เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” ลูกรักของบริษัท!

เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” ลูกรักของบริษัท! ทุกท่านเข้าใจดีว่า หน้าที่ของนักขายหรือเซลนั้นมีอะไรบ้าง? ไม่เพียงแต่หาลูกค้าใหม่เท่านั้น ควรรักษาลูกค้าเดิมเพื่อติดต่อ เสนอขาย กระตุ้นความอยากซื้อ ให้คำแนะนำต่าง ๆ รวมไปถึงดูแลหลังการขายด้วย ฉะนั้น นักขายมือทองต้องมีทัศนคติและการสื่อสารที่ดี โน้มน้าวคนเก่ง รู้จักกระบวนการหรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับตัวตามสถานการณ์และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

สารบัญ

 

อยากเป็น “นักขายมือทองที่ดี” ต้องมีอะไรบ้าง?

เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” ลูกรักของบริษัท!

1. ทักษะการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เช่น ทักษะการนำเสนอ การเจรจาต่อรอง หรือการโน้มน้าวใจ สิ่งเหล่านี้สามารถฝึกฝนและพัฒนาให้ดีขึ้นได้จากประสบการณ์ หรือเรียนเพิ่มเติมจากบุคคลตัวอย่างและผู้ที่เก่งกว่า

2. วิเคราะห์ยอดขายเป็น

การเป็นนักขายที่ดี ควรวิเคราะห์ยอดขายเป็น เพื่อประเมินผลงานนำไปสู่การพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม และพยายามสร้างยอดขายที่มากขึ้นกว่าเดิม

3. รู้จักใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

การวิเคราะห์ข้อมูลการขายนั้น ต้องเริ่มต้นจากการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อนำข้อมูลที่มีมาใช้วิเคราะห์ต่อ ทักษะการใช้เครื่องมือด้านงานขายจึงเป็นรากฐานสำคัญเพื่อนำไปสู่การวางกลยุทธ์และเพิ่มยอดขายได้ตรงจุด

4.สามารถทำงานเป็นทีมได้

นักขายที่ดีต้องช่วยกันทำงานเป็นทีม นำข้อมูลเชิงลึกที่ตัวเองมีมาแบ่งปันกัน เพื่อให้ทุกคนในทีมพิชิตเป้ายอดขายให้ได้ตามที่ตั้งไว้

5.สามารถเป็นผู้นำการขายได้

สุดยอดนักขาย ไม่เพียงแต่สร้างยอดขายได้มากเท่านั้น ต้องสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นระดับสูงได้ จึงต้องมีทักษะการเป็นหัวหน้าขายที่ดี เช่น ทักษะการโค้ชชิ่งลูกทีม การบริหารงาน การมีทัศนคติของหัวหน้าหรือการเป็นเจ้าของธุรกิจจะช่วยให้เราเติบโตในสายงานได้รวดเร็วมากขึ้น

 

เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” ลูกรักของบริษัท!

เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” ลูกรักของบริษัท!

1. จัดเก็บและติดตามงานได้อย่างรวดเร็ว

การติดตามงานขายอย่างมีคุณภาพ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญสำหรับทีมขาย เพื่อติดตามและตรวจสอบการทำงานทุกขั้นตอน ทำให้รู้ว่าผลงานต่าง ๆ นั้นเป็นอย่างไร ดังนั้น การจัดเก็บและติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งการเก็บข้อมูลของลูกค้า หรือข้อมูลเกี่ยวกับดีล ช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงในทุกขั้นตอน เห็นภาพรวมทั้งหมดของทีม เพื่อการปรับปรุงและแก้ไขได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการเก็บข้อมูลสามารถแบ่งได้ 3 ส่วนใหญ่ ดังนี้

– เก็บกิจกรรมการขายทุกอย่างที่เกิดขึ้น

– วิเคราะห์คุณภาพของงานขาย

– วัดผลสุดท้ายที่จำนวนลูกค้าที่ปิดได้

โดยทำการเก็บข้อมูลทุกดีล หรือสรุปผลทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการหลงลืมจนข้อมูลส่วนสำคัญนั้นขาดหาย

2. วางแผนตารางงานอย่างชัดเจน

นักขายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละเคสค่อนข้างเยอะ และอาจจะมีความทับซ้อนกันในบางครั้ง จึงจำเป็นจะต้องอาศัยการจัดการและวางแผนการทำงานเพื่อเรียงลำดับความสำคัญของงานให้ถูกต้อง ไม่หลงไปกับการทำกิจกรรมส่วนใดส่วนหนึ่งนานเกินไป และตั้งกรอบเวลาการทำงาน พร้อมเรียงลำดับความสำคัญของงานอย่างถูกต้อง

3. กระตุ้นลูกค้าเพื่อปิดการขายให้เร็วขึ้น

หากคุณมีรายชื่อลูกค้าอยู่ในมือ ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ด้วยการกระตุ้นให้ถูกจุด นำไปสู่การปิดดีลในที่สุด และหนึ่งในวิธีที่ดีคือ การสร้างแรงจูงใจ สร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักขายกับลูกค้า และทำให้ลูกค้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริษัทของเรา

วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

– เสนอจุดเด่นในสิ่งที่คุณต้องการขาย เพื่อทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น ด้วยการส่งอีเมลอัพเดทให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ควรส่งเนื้อหาที่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าได้ประโยชน์ก็จะทำให้สนใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรามากยิ่งขึ้น

– หาตัวอย่างลูกค้าเก่าที่พอใจผลิตภัณฑ์ของเรา ใช้เป็นรีวิวเพื่อกระตุ้นความสนใจลูกค้ารายใหม่

– สร้างกิจกรรมการบอกต่อของกลุ่มลูกค้ากันเอง ซึ่งวิธีนี้นับว่าเป็นสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือได้มากเลยทีเดียว แต่ลูกค้าเก่านั้นต้องศรัทธาผลิตภัณฑ์ของคุณมากพอที่จะทำการบอกต่อด้วย

– เข้าใจความต้องการของลูกค้า และสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ตรงจุด

4. แบ่งเวลา Follow up ลูกค้าอยู่เสมอ

พยายามหาเวลา Follow up ลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า เป็นการเพิ่มโอกาสปิดดีลได้มากยิ่งขึ้น แต่การ Follow up นั้น คุณต้องสื่อสารกันลูกค้าด้วยจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ และประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับว่าคุ้มค่าอย่างไร

5. หมั่นส่งอีเมลเพื่อสร้างกิจกรรมและการพูดคุย

การอยู่ในความทรงจำของผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคตนั้นถือเป็นอีกเรื่องสำคัญ การส่งอีเมลไปหาบ่อย ๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ เช่น ส่งคอนเทนต์ที่ดีให้ลูกค้า โดยไม่เกี่ยวกับสินค้าและบริการของเราเลยก็ได้ หรือแม้แต่ส่งโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่องทางนี้เท่านั้น เพื่อกระตุ้นลูกค้าให้มี feedback กลับมา แต่ไม่ควรส่งอะไรที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณไปตรง ๆ โดยที่ไม่สร้างประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้า

6. รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่า

การเป็นนักขายที่ดีไม่ใช่แค่ขายเก่งแต่เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้น การรักษาลูกค้าเดิมไว้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจากผลสำรวจของแล้ว ลูกค้าเดิมมีโอกาสจ่ายเพิ่มมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 67% ด้วยการส่งต่อข้อมูลดี ๆ หรือข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเราผ่านช่องทางต่าง ๆ

อัพเดทข่าวสารใหม่ ๆ เกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณให้กลุ่มคนที่มีความสนใจมากเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะเปิดตัวกับสาธารณะให้คนทั่วไปรู้ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษมากขึ้น และอาจเป็นการได้ทดสอบ ผลิตภัณฑ์ของเราไปในตัวได้อีกด้วย ดังนั้น การ Follow up อย่างเป็นประจำ และหาเรื่องพูดคุยอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ดี

7. จัดระเบียบกล่องอีเมล

กล่องข้อความอีเมล บ่งบอกถึงวิธีการทำงานและประสิทธิภาพการทำงานของนักขายได้ดี คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องอ่านทุกอีเมลก็ได้ เพราะอีเมลของคุณอาจเต็มไปด้วยอีเมล Spam โฆษณาต่าง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงาน และเพื่อจัดระเบียบกล่องอีเมลให้ดีขึ้น ควรเช็คและตอบอีเมลที่จำเป็นทุกวัน

8. จัดตารางการประชุมให้เหมาะสม

หากไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการประชุมนาน ๆ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ควรมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ลดเวลาในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อให้นักขายใช้เวลาในการทำงานกับลูกค้าให้มากขึ้น ในกรณีที่ประชุมกับลูกค้า ควรอัพเดทบันทึกการประชุมกับลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อการทำงานอย่างราบรื่น

 

บทความแนะนำ

 

สรุป

ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเป็นนักขายที่ดี ต้องมีความรอบคอบ และใส่ใจรายละเอียดงานของตัวเอง ดูแลกลุ่มลุกค้าเก่าและหาลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดนี้ ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ หวังว่า เคล็ดลับการเป็น “นักขายมือทอง” เพื่อให้เป็นลูกรักของบริษัทนี้จะเป็นความรู้ให้ทุกท่านได้เป็นอย่างดี ส่วนท่านใดที่ต้องการสมัครงานนักขาย เลือกหางานและสมัครงานผ่าน JOBKUB ได้ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ เราพร้อมเป็นสื่อกลางเพื่อให้ทุกคนได้เจองานที่ใช่อย่างรวดเร็ว

JOBKUB

ฝากความคิดเห็น